“อาคม” เผยปรับเพดานหนี้ 70% รองรับใช้หนี้-ฟื้นฟู ศก.ช่วงโควิด

“อาคม” เผยปรับเพดานหนี้  70% รองรับใช้หนี้-ฟื้นฟู ศก.ช่วงโควิด

วันนี้ (17 ก.พ.2565) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีการอภิปรายประเด็นหนี้สาธารณะว่า หากย้อนไป 25 ปี ในช่วงเกิดวิกตต่าง ๆ คือ ตั้งแต่ ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง การก่อหนี้สาธารณะต่อจีพีดีที่สูงมี 3 จุด โดยในแต่ละช่วงก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาเศรษฐกิจในขณะนั้น
หนี้ต่อจีดีพีสูงช่วงวิกฤตครั้งใหญ่ 
จุดแรกคือ ในปี 2543 ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และวิกตการเงิน โดยมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 59 .98 % เกือบ 60 จากเดิมในปี 2542 อยู่ที่ระดับ 47.84 %
จุดที่ 2 ในปี 2552 วิกฤตซับไพร์ม ของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อไทย ทำให้หนี้สาธารณะะอยู่ที่ 42.36 % ต่อจีพีดี เพิ่มจากปี 51 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 34.95 %
จุดปี 2563 64 วิกฤตโควิด-19 หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 59.57 % ส่วนที่เพิ่มมาค่อนข้างมากเพราะมีความจำเป็นต้องมาแก้ปัญหาโควิด-19 แผนงานการแพทย์ การเยียวยา ชดเชย บรรเทา และช่วยเหลือแบ่งเบา และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นายอาคมยังระบุว่า มีการปรับเพดานหนี้สาธารณะตามกฎหมายอยู่ตลอดเวลา โดยในปี 2545 ตามกรอบหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 65 %ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ขนาดจาก 60 % เป็น 70 % เมื่อวิกฤตผ่านพ้นก็จะปรับเพดานหนี้ลงมาตามลำดับ
ในปี 2545 กรอบเพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 65 % ในปี 2546 กรอบเพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 60 % ปี 2547 กรอบเพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ปรับมาที่ 55 % ปี 2548 กรอบเพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 50 % ดังนั้นเมื่อเจอวิกฤตจึงได้ปรับกรอบเพดานหนี้สาธารณะขึ้นมาอยู่ที่ 60 และใช้มาถึงปี 2564 ที่มีการปรับจาก 50-60 % ในปี 53 เพราะเศรษฐกิจอยู่ในภาวะปกติแล้ว ซึ่งการกู้เงินเพื่อการลงทุนในการโครงการของรัฐ นอกเหนือจากการกู้มาชดเชยการขาดดุลทางงบประมาณ
ปรับเพดานหนี้รองรับการใช้หนี้ช่วงโควิด 
รมว.คลัง ยังระบุว่า การปรับมากรอบเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีมาอยู่ที่ 70% เพื่อรองรับภาวะการใช้หนี้และขนาดของเศรษฐกิจ ซึ่งไมได้หมายความว่าจะต้องกู้เต็มเพดาน ภาระหนี้ขึ้นอยู่กับขนาดเศรษฐกิจและขนาดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของไทย เช่นปี 2540 ที่กระทบหนักไปจนถึงรากหญ้า
แต่ปี 2563-64 เกิดวิกฤตจากแพร่ระบาดทั่วโลก มีการจำกัดการเดินทาง และ การชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)ทั้งในแง่ของคนและสินค้า ซึ่งการจำกัดการเดินทางกระทบภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็น 18 % ของจีดีพี โดยเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12 % หรือราว 40 ล้านคน ซึ่งในปี 2562 – 63 นักท่องเที่ยวหายไปรายได้จึงหายไปด้วย รวมถึงการจำกัดการเดินทาง ก็กระทบการท่องเที่ยวในไทยเช่นกัน โดยหายไป 6 % ซึ่งได้ส่งผลกระทบมายังภาระหนี้ของเอกชนและโรงแรมที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว ก็กระทบห่วงโซ่อุปทานเช่น เมื่อ โรงแรมปิดให้บริการ สินค้า อาหาร ดอกไม้ที่ขายให้โรงแรมก็กระทบไปยังภาคการเกษตร ดังนั้นขนาดผลกระทบก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเศรษฐกิจซึ่งปี 2540 กับปี 2564 ต่างกัน ที่กู้ครั้งแรก 1 ล้านล้านบาท ครั้งที่ 2 กู้จำนวน 5 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2540
นอกจากนี้ หลังวิกฤตซับไพร์มเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นในปี 2553 ได้ปรับเพดานหนี้สาธารณะขึ้นเพื่อปรับให้มีการกู้เงินเพื่อให้มีการพัฒนาโดยเฉพาะโครงการรัฐบาล หากเทียบกับต่างประเทศ ภาระหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ทุกประเทศเจอเหมือนกันหมด ธนาคารโลก กองทุนระหว่างประเทศใช้นโยบายการคลังโดยให้รัฐบาลเป็นผู้ใช้จ่าย และนโยบายการเงินจะไม่ใช้นโยบายแบบตึงตัว ในช่วง 2 ปี การทำงานระหว่างนโยบายการเงินการคลังสอดประสานกันทำให้รัฐบาลทั่วโลกมีความสามารถจ่ายเงินด้วยการกู้เงินต่าง ๆ
“ญี่ปุ่น” หนี้ต่อจีดีพีมากสุดในเอเชีย 230 %
กลุ่มประเทศเอเชีย ประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงสุด คือ ประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ที่ 237.29 % ต่อจีดีพี ประเทศจีนอยู่ที่ 71.72 % สิงคโปร์อยู่ที่ 158 % มาเลเซียอยู่ที่ 78.80 % สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 117 % สหราชอาณาจักรอยู่ที่ 104 % เยอรมนีอยู่ที่ 68.56 % ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยสิ่งที่มีการพูดในเวทีการรมว.คลังทั่วโลกและอาเซียน หรือ ความยั่งยืนทางการคลังถือเป็นประเด็นหลัก หลังผ่านช่วงสถานการณ์โควิด -19 กลับมาดูว่า การกู้ในปี 62563 -64 จะทำอย่างไร โดยจะสามารถชำระหนี้ได้และดำเนินการนโยบายต่าง ๆโดยไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม
นายอาคม ยังกล่าวว่า ในจำนวนหนี้ 59.57 % ต่อจีดีพี ของไทยนั้นเป็นหนี้รัฐบาลที่เป็นภาระงบประมาณ 85 % ยอดหนี้ ณ 31 ธ.ค.64 อยู่ที่ 9.64 ล้านล้านบาท หรือ 85 % ของ9.64 ล้านล้านบาท คือ 8.17 ล้านล้านบาท ซึ่งภาระที่ต้องตั้งงบใช้คืนทั้งต้นล้านดอก ส่วนอีก 1.5 ล้านล้านบาทเป็นหนี้ที่ไม่เป็นภาระงบประมาณ ซึ่งอยู่ที่รัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันและไม่ค้ำประกันและรัฐบาลกู้เพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ และกองทุนเอฟไอดีเอฟ ยอดคงค้าง 6.9 แสนล้านบาท โดยหนี้นี้มีการชำระทั้งต้นและดอกอยู่ตลอดเวลาการ ลดได้ปีละประมาณ 1 แสนล้านบาทใช้เวลาประมาณ 8-9 ปีจะใช้หนี้หมด
ดังนั้น การบริหารหนี้ต่างประเทศมี 3 ประเด็นที่ต้องบริหารอย่างรอบคอบ ดังนี้ 1.ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 2.อัตราดอกเบี้ย 3.การปรับโครงสร้างหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการยืดเวลาชำระหนี้ การชำระหนี้ก่อนกำหนด และภาระเรื่องเงินกู้ตาม พ.ร.ก.จำนวน 1.5 ล้านล้านบาท ก็จะถูกบวกมาในภาระหนี้เนื่องจากมีความจำเป็นในการขยายเพดานหนี้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณและกู้มาเพื่อพัฒนา
นอกจากนี้ 4 ประเด็น 1.สต็อกหนี้ มีเท่าไหร่ ไม่อยากกู้มาก โครงการลงทุนภารครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้เอกชนมาร่วมลงทุน (ppp) ทิศทางในอนาคต องค์การระหว่างประเทศเริ่มพูดถึง (Green Invesment) การออกพันธบัตรต้องเป็นเรื่องของสนับสนุนโครงการสีเขียว และการปรับปรุงระบบการแพทย์และสาธารณสุขหลังจากโควิด-19 ในเรื่องสต็อกของหนี้จะมีมากหรือน้อย อันนี้ต้องกู้มาชดเชยงบประมาณ
2.ฐานรายได้ คือ จีดีพีจะเติยโตแค่ไหนในปี 2565 คาดการณ์ไม่เฉพาะภาครัฐ ภาคเอกชน ก็คาดว่าจะฟื้นตัวช้า (Slow recovery) หากฐานจีพีดีเพิ่มก็จะมีรายได้เพิ่ม และรายได้มาจากเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจมีโครงการอีอีซี และสนับสนุน 12 อุตสาหกรรม เมื่อจีพีดีขยายฐานการจัดเก็บรายได้ใหม่ควรที่จะมีอะไรบ้าง ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพและการขยายฐานภาษีของประเทศ
3.ความจำเป็นในการปรับโครงสร้างบประมาณ ความยั่งยืนทางการคลัง ในระยะยาวต้องปรับโครงการงบประมาณหนี้จะลดลง เนื่องจากการจัดสรรงบประมาณไปชำระต้นกับดอกในปี 2563 มีความจำเป็นเพราะวิกฤตเอาเงินจัดไว้แล้วยังสามารถเจรจายืดเวลาชำระหนี้ได้นำไปใช้ในส่วนโควิดก่อน
4.ขีดความสามารถในการชำระหนี้ หากจีดีพีเพิ่ม สามารถส่งออกเพิ่มได้ ความสามารถในการชำระหนี้จะดีขึ้นและภาระหนี้ก็จะน้อยลง โดย ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นนอกที่เหนือจากความจำเป็นในการลงทุนยอดหนี้ที่สูงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย โดยจะเกิดในช่วงที่มีวิกฤตเศรษฐกิจเท่านั้น หากมองไป 25 ปี มีเพียง 3 จุด และในขณะนี้ใหญ่กว่าอดีตเพราะเกิดจากฐานรากและถูกจำกัดการเดินทาง แตกต่างจากวิกฤต 2 ครั้งที่ผ่านมา 
 
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 
“ศิริกัญญา” เชื่อ ศก.หลังโควิดไร้อนาคต งบฟื้นฟูฯ 7.7 หมื่นล้านไร้ประสิทธิภาพ 
 
 …
Read More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่

เข้าเกม

918Kiss
sagame
pg slot
pg slot
สล็อต
บาคาร่า
joker123
pussy888
บาคาร่า
slotxo
คาสิโน
สล็อตเว็บตรง

ป้ายกำกับ

pg slot
pgslot
pg slot
pg
บาคาร่า
บาคาร่า
sa
slotxo
pussy888
918kiss
918kiss
918kiss
joker123
สล็อต
สล็อตออนไลน์เว็บตรง
เว็บหวยออนไลน์
ปั่นโปร
ปั่นโปร
ดูหนังออนไลน์
ดูหนัง
live22
pussy888
pussy888
joker123
สล็อตxo
ufabet
สล็อตออนไลน์
สล็อตออนไลน์
สล็อตออนไลน์ใหม่ๆ
เว็บคาสิโนออนไลน์
สล็อตเว็บตรง
คาสิโนออนไลน์อันดับ1
Slot online
ศูนย์รวมเว็บสล็อตออนไลน์
ศูนย์รวมเว็บสล็อตออนไลน์
ดูหนังออนไลน์
ดูหนังออนไลน์
ดูหนังออนไลน์
ดูหนังฟรี
ดูหนังออนไลน์
ดูหนังโป๊ HD
ดูหนังโป๊
หนังโป๊ไทย
ดูหนังโป๊ HD
ดูหนังโป๊